8 วิธีกำจัดกลิ่นปากให้ได้ผล

8 วิธีกำจัดกลิ่นปากให้ได้ผล

กลิ่นปาก คืออีกหนึ่งปัญหากวนใจ ยิ่งตอนนี้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ถ้ามีกลิ่นปากเกิดขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในหน้ากาก ทำให้รู้สึกอึดอัด วิงเวียน ไม่รื่นรมย์เอาซะเลย มีสาเหตุหลากหลายประการ ทั้งจากการดื่มกาแฟและแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยหัวหอม กระเทียม และเครื่องเทศ เป็นต้น

สาเหตุหลักนั้นมาจากการแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มหนึ่งในปาก ไปทำการย่อยสลายสารประกอบประเภทโปรตีนที่ตกค้างอยู่ในช่องปากและลำคอ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาทางช่องปาก เช่น มีฝ้าขาวบนลิ้นและโคนลิ้นด้านใน ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบเนื่องจากแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูนสะสมตามรอยต่อของเหงือกและฟัน หากไม่ได้รับการรักษาโรคเหงือกอักเสบก็จะลุกลามมากขึ้นกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบซึ่งจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงยิ่งขึ้น

อีกสาเหตุสำคัญอีกประการของการเกิดกลิ่นปากคือ ภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เมื่อมีน้ำลายน้อย เชื้อโรคต่าง ๆ จะตกค้างอยู่ในช่องปากเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์มากขึ้น นอกจากนี้ก็มีสาเหตุจากระบบทางเดินอาหารที่มีแบคทีเรียชนิดไม่ดีในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง และเรอมีกลิ่นเหม็นออกมา อีกทั้งหากมีอาการท้องผูกหลาย ๆ วันก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

วิธีการขจัดกลิ่นในช่องปาก อาจใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือรวมกันดังนี้

  1. เบกกิ้งโซดา ละลายเบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชาในน้ำ 1  แก้ว แล้วกลั้วในปากเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที วิธีการนี้จะช่วยชะแบคทีเรียภายในปาก
  2. ว่านหางจระเข้ เพียวบ้วนปากด้วยน้ำว่านหางจระเข้วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการลดกลิ่นปากด้วยการลดปริมาณแบคทีเรียในช่องปากและช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลาย
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำน้อยจะทำให้การไหลเวียนของน้ำลายน้อย และนำไปสู่การมีกลิ่นปาก ในหนึ่งวันควรดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของน้ำลายในช่องปาก

4. ดื่มชา ฟลาโวนอยด์ ซึ่งมักจะพบในเครื่องดื่มชา มีฤทธิ์ในการลดกลิ่นปากและช่วยกำจัดแบคทีเรียในช่องปาก การดื่มชาหลังมื้ออาหารจะช่วยลดกลิ่นปากได้ดีที่สุด

5. รับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร
การเคี้ยวผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร เช่น ผักกาดแก้ว แครอท ขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี แอปเปิ้ล และฝรั่ง นอกจากจะสร้างความสดชื่นให้กับมื้ออาหารแล้วยังช่วยชะสิ่งสกปรกในปากและเสริมการหลั่งน้ำลายด้วย

6. รับประทานมะนาวและบ๊วยดอง มีกรดอินทรีย์ที่ช่วยเสริมการหลั่งน้ำลายและเสริมการย่อยสลายของโปรตีนที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้อาหารที่ติดอยู่ในซอกฟันเหม็นเน่าในกรณีที่ไม่ได้แปรงฟันหลังอาหารในทันทีทันใด

7. ดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้ว จากการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้วจะช่วยลดการเจริญของแบคทีเรียในช่องปาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันสีไวน์ติดฟันก็ควรแปรงฟันหรือบ้วนปากหลังดื่มไวน์

8. รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ มีงานวิจัยว่าการรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 1 ถ้วย จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปากเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ได้ ซึ่งการรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำจะช่วยปรับสภาพแวดล้อมในลำไส้ให้ดีขึ้น ช่วยลดสาเหตุสำคัญของกลิ่นปากคือการมีแบคทีเรียส่วนเกินในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก

และนี่คือ 8 เคล็ดลับที่จะช่วยลดกลิ่นปากให้หายไป แต่การป้องกันที่สำคัญคือการแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในช่องปากให้เหมาะสม แต่ถ้าหากยังมีกลิ่นปากอย่างเรื้อรัง ขอแนะนำให้ไปพบทันตแพทย์ เพื่อทำการซักประวัติ ทั้งในเรื่องของโรคประจำตัวและการดูแลอนามัยภายในช่องปากและตรวจเพื่อหาสาเหตุของโรคต่อไป

ข้อมูล :health.ne,diet.news-postseven, rama.mahidol.ac.th

สนใจปรึกษาเรื่องทันตกรรมอื่นๆ มาปรึกษาฟรีได้ที่ The Tree Dental Clinic ทุกสาขา